pakawat jindawong
วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
ดาวเนปจูน NEPTUNE
นาย ภควัตร จินดาวงค์ (เรื่องดาวเนปจูน)ส่งครูเป็นการส่วนตัวครับ
ดาวเนปจูนเป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ไกลจากดวงอาทิตย์ที่สุดตามนิยามดาวเคราะห์ใหม่ที่ไม่จัดดาวพลูโตเป็นดาวเคราะห์ ดาวดวงนี้ถูกค้นพบครั้งแรกด้วยการคำนวณทางคณิตศาสตร์
เนื่องมาจากมีเหตุการณ์ที่วงโคจรของดาวยูเรนัสมีความผิดปรกติ นักวิทยาศาสตร์จึงสงสัยว่า จะต้องมีดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ที่มีแรงดึงดูดสูงพอที่จะเปลี่ยนเส้นทางการโคจรของดาวยูเรนัสได้ ผลที่ได้ก็คือ การค้นพบดาวเนปจูนโดยนักคณิตศาสตร์ชาวฝรั่งเศสชื่อ เออร์เบน โจเซฟ ลี เวอเลียร์ (Urbain Joseph Le Verrier) เป็นผู้คำนวณและส่งผลไปไห้นักดาราศาสตร์เยอรมันชื่อ โจฮัน ก็อทฟรีด กาลล์ (Johann Gotfried Galle) เพื่อส่องกล้องหาดาวเคราะห์ตามตำแหน่งที่ได้คำนวณไว้ ซึ่งเขาสามารถพบดาวเนปจูนในคืนแรกของการสำรวจ ดาวเนปจูนมีสีน้ำเงินเข้มซึ่งเกิดจากมีเทนและธาตุอื่นซึ่งยังไม่เป็นที่เข้าใจของนักวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน สนามแม่เหล็กของดาวเนปจูนมีลักษณะแปลกเช่นเดียวกับดาวยูเรนัสคือมีแกนสนามแม่เหล็กเอียงออกมาจากแกนการหมุนรอบตัวเองถึง 47 องศา และมีสภาพสนามแม่เหล็กที่ซับซ้อน ขณะนี้เราค้นพบดาวบริวารของดาวเนปจูนจำนวน 13 ดวง ดาวบริวารที่ใหญ่ที่สุดของดาวเนปจูน คือ ไทรทัน (Triton) ซึ่งเป็นวัตถุที่เย็นที่สุดเท่าที่เคยพบมาในระบบสุริยะ (อุณหภูมิผิวประมาณ -235 องศาเซลเซียส)
ในปี 1846 ชาวเยอรมันชื่อ Johann Galle ได้พบโลกใหม่ด้วยกล้องโทรทัศน์ขนาดใหญ่ มันอยู่ในตำแหน่งที่นักดาราศาสตร์คนอื่นได้ระบุไว้ก่อนแล้ว ดาวเคราะห์ดวงใหม่มีสีน้ำเงินมีชื่อว่าดาวเนปจูนตามชื่อเทพเจ้าแห่งทะเล โรมัน
ดาวเนปจูนโตเกือบเท่าดาวยูเรนัส มันเป็นดาวเคราะห์ที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ในระบบสุริยะ มันอยู่ห่างไกลจากโลกมาก จึงทำให้มองเห็นสลัวมาก ดาวเนปจูนสามารถมองเห็นได้ด้วยกล้องสองตา มันดูคล้ายกับดาวฤกษ์ ยังไม่มียานอวกาศที่เคยไปยังดาวเนปจูน สิ่งที่เรารู้ทั้งหมดก็คือ มีมหาสมุทร น้ำที่ลึกล้อมรอบแกนหินซึ่งอยู่ใจกลางของดาวเนปจูน บรรยากาศของดาวเนปจูนไม่เต็มไปด้วยหมอกเหมือนกับดาวยูเรนัส กล้องโทรทัศน์ขนาดใหญ่แสดงให้เห็นแถบกลุ่มควันขาวที่หมุนรอบดาวเนปจูน บรรยากาศจะเย็นมาก กลุ่มควันประกอบด้วยมีเทนที่แข็ง์
ส่วนโค้งและดาวบริวารของดาวเนปจูน
หลังจากที่ได้มีการค้นพบว่า ดาวยูเรนัสมีวงแหวน คนเริ่มมองหาวงแหวนรอบๆดาวเนปจูนเขาใช้กล้องโทรทัศน์มองดูดาวเนปจูนเมื่อมัน เคลื่อนใกล้ดาวฤกษ์ ถ้าดาวเนปจูนมีวงแหวนมันก็จะผ่านด้านหน้าของดาวฤกษ์ วงแหวนแต่ละวงจะตัดแสงของดาวฤกษ์ชั่วขณะหนึ่ง ในปี 1981 นักคณิตศาสตร์คนหนึ่งได้เห็นการลิบหรื่ของดาวฤกษ์ ตั้งแต่นั้น คนบางคนได้เห็นการลิบหรื่แต่บางคนไม่เห็นอะไรเลย บางมีดาวเนปจูนอาจมีวงแหวนที่เป็นชิ้นส่วนที่แตกออกเป็นชิ้นๆมันอาจมีส่วน โค้งสั้นๆ แทนที่จะเห็นวงแหวนทั้งวง ส่วนโค้งจะหมุนรอบดาวเนปจูน
ดาวบริวาร
นักดาราศาสตร์ได้พบดาวบริวารสองดวงที่หมุนรอบดาวเนปจูน ดาวดวงหนึ่งมีขนาดเล็กชื่อว่า Neried ซึ่งมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 300 ไมล์ และหมุนรอบห่างจากดาวเนปจูน 3,475,000 ไมล์ ดาวบริวารดวงอื่นๆของดาวเนปจูนคือดาว Triton มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 2,100 ไมล์เป็นดาวบริวารที่ใหญ่เป็นที่สี่ ดาว Triton อาจมีบรรยากาศ มันอาจมีมหาสมุทรมีเธนและไนโตรเจนมันหมุนรอบดาวเนปจูนโดยห่างจากดาวเนปจูน เป็นระยะทาง 220,625 ไมล์ ดาว Triton หมุนรอบดาวเนปจูนในทิศทางตรงกันข้ามจากดาวบริวารส่วนใหญ่ มันยังเคลื่อนไหวเข้าไกล้ดาวเนปจูนในเวลา 10 ล้าน ถึง 100 ล้านปี มันอาจปะทะกับดาวเนปจูนหรือมันอาจแตกออกเป็นชิ้นเล็กๆและก่อตัวเป็นรูปวง แหวนขนาดกว้างล้อมรอบดาวเนปจูน
ตารางแสดงข้อมูลที่สำคัญของดาวเนปจูน
ค้นพบโดย โจฮัน ก็อทฟรีด กาลล์ (Johann Gotfried Galle) | |
ระยะทางโดยเฉลี่ยจากดวงอาทิตย์ | 4,498,252,900 km |
ระยะทางใกล้ที่สุดจากดวงอาทิตย์ | 4,459,630,000 km |
ระยะทางไกลที่สุดจากดวงอาทิตย์ | 4,536,870,000 km |
รัศมีบริเวณเส้นศูนย์สูตร | 24,764 km |
เส้นรอบวงบริเวณเส้นศูนย์สูตร | 155,597 km |
ปริมาตร | 62,526,000,000,000 km3 |
มวล | 102,440,000,000,000,000,000,000,000 kg |
ความหนาแน่นเฉลี่ย | 1.76 g/cm3 |
ค่าความรีของวงโคจร | 0.00859 |
อุณหภูมิยังผล | -214 °C |
วันพฤหัสบดีที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2553
Solar system กำเนิดระบบสุริยะ


เมื่อราว 5,000 ล้านปีมาแล้ว บริเวณที่เป็นระบบสุริยะในปัจจุบีนเคยเป็นเนบิวลา ที่มีแก๊สไฮโดเจน
และธาตุต่างๆเป็นองค์ประกอบ แก๊สและธาตุเหล่านี้มาจากเนบิวลา ด้วยเหตุนี้เมื่อเนบิวลากลายเป็นระบบสุริยะ ดวงอาทิตย์และบริวาร จึงมีส่วนประกอบที่มีธาตุต่างๆคล้ายคลึงกัน
วันพุธที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2553
เอกภพ

เอกภพ(Universe) มีความกว้างใหญ่ไพศาลมาก จนไม่สามารถวัดได้ว่ามีขอบเขตเพียงใด ภายในเอกภพประกอบด้วย กาแล็กซี(Galaxy)จำนวนมากมาย
ระยะทาง 1 ปีแสง หมายถึง ระยะทางที่แสงเดินทางในอวกาศเป็นเวลานาน 1 ปี
เมื่อ ความเร็วของแสงในสุญญากาศ = 3X105x60x60x24x30x12 Km = 9.55x1012km
ระยะทาง 1 ปีแสง = 9.5 ล้านล้านกิโลเมตร
ปัจจุบัน เอกภพประกอบด้วยกาแล็กซีจำนวน แสนล้านแห่ง ระหว่างกาแล็กซีเป็นอวกาศที่เวิ้งว้างกว้างไกล เอกภพจึงมีนาดใหญ่มาก โดยมีรัศมีไม่น้อยกว่า 15,000 ล้านปีแสง และมีอายุประมาณ 15,000
ล้านปี ภายในกาแล็กซีแต่ละแห่งประกอบด้วยดาวฤกษ์จำนวนมาก แหล่งกำเนิดดาวฤกษ์ เรียกว่า เนบิวลา และที่ว่าง โลกของเราเป็นดาวเคราะห์ดวงหนึ่งในระบบสุริยะ ซึ่งเป็นสมาชิกหนึ่งของกาแล็กซีของเรา



กาแล็กซี คือ อาณาจักรหรือระบบของดาวฤกษ์จำนวนนับแสนล้านดวง อยู่รวมกันด้วยแรงโน้มถ่วงระหว่างดวงดาวกับหลุมดำที่มีมวลมหาศาล ซึ่งอยู่ ณ ศูนย์กลางของกาแล็กซี โดยมีเนบิวลาซึ่งเป็นกลุ่มแก๊สและฝุ่นละออง ที่เกาะกลุ่มอยู่ในที่ว่างบางแห่งระหว่างดาวฤกษ์

หลุม ดำ(Black Hole) คือ บริเวณของอวกาศที่เป็นอาณาจักรซึ่งมีมวลสารมหาศาลอัดแน่นจำนวนมากมีค่าความ โน้มถ่วงสูงมากจนไม่เกิดแสงหรือแถบดำสีใดๆหลุมดำ เกิดจากดาวยักษ์ใหญ่แดงระเบิดครั้งยิ่งใหญ่ทำลายตัวเองซึ่งทำให้มวลสาร ที่แกนกลางจำนวนมหาศาลถูกอัดแน่นอย่างยิ่งจนความหนาแน่นของมวลมีค่าอนันต์ ภายใต้ปริมาตรจำกัดแรงโน้มถ่วงของมวลสารสูงมากจนทำให้วัตถุพลังงานหรือทุก สิ่งทุกอย่างที่ผ่านเข้าไปที่หลุมดำจะถูกดูดกลืนและไม่สามารถหาที่ออกมาได้
กาแล็กซีทางช้างเผือก กาแล็กซี่ของเรา (Milky Way Galaxy)




กาแล็กซีแมกเจลแลนเล็ก
นักดาราศาสตร์แบ่งกาแล็กซี ออกเป็น 4 ประเภท
2. กาแล็กซี่แบบกังหันหรือก้นหอย (Spieal Galaxy)

3. กาแล็กซี่แบบบาร์ (Bar Spiral Galaxy)
4. กาแล็กซี่แบบไร้รูปร่าง ( Irregular Galaxy)
สำหรับเพื่อนๆที่อยากดูและศึกษา (ผมนำเอามาจากอาจารย์ อุทิต ครับ )